Page ของ TSG Chat

ใครชอบซื้อของออนไลน์อ่านทางนี้
เล่นผิดคนแล้ว! ผู้พิพากษาสั่งของได้ไม่ครบ พอถามกลับเจอบ่ายเบี่ยง สุดท้ายลุยฟ้อง พร้อมแนะวิธีแก้ปัญหาให้คนสั่งของออนไลน์ได้รู้ไว้!

วันที่ 30 ส.ค. 60 โลกออนได้มีการแชร์เรื่องราว ที่ฝากไว้ให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ สำหรับผู้ที่ชอบสั่งซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถึงแม้ว่าคุณคิดว่าอาจจะเลือกดีแล้ว และเว็บไซต์นั้นจะดูน่าเชือถือแค่ไหนก็ตาม คุณก็มีโอกาสที่จะโดนโกงได้เหมือนกัน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนี้ถูกโพสต์แชร์โดย ผู้พิพากษา ที่ศาลอาญาธนบุรี ทั้งนี้ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชื่อว่า “Boonlong Noragitt” ระบุข้อความว่า

“วันนี้ขอดราม่าเล็กๆ แต่มีสาระ ผมไม่ค่อยมีเวลา ชอบนั่งซื้อของทางเน็ต เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ในไทยยังไม่มีการขายของทางเน็ต ได้แต่ซื้อใน eBay มาสิบกว่าปีก่อน ตอนนี้ไทยเรามีการขายของทางเน็ตกันเพียบ ผมก็ซื้อตามปกติ และไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย จนกระทั่งได้ไปซื้อของจากค่ายดังของเยอรมัน บริษัท ล. โฆษณาในทีวีน่าเชื่อถือ ในครั้งสุดท้ายที่ซื้อ ปรากฏว่าสั่งของ ๒ ชิ้น ๆ ละ ๙๐๐ บาท พอมาส่งเราก็จ่ายเงินไป ๑,๘๐๐ บาท

เปิดกล่องดูมีของแค่ชิ้นเดียว แถมใบส่งของเป็นคนอื่น แต่ของอย่างเดียวกัน ผมก็ถ่ายรูปของในกล่อง พร้อม Delivery Note ส่งให้ดู เจ้าหน้าที่รับปากว่าจะติดต่อในทันทีเงียบหายไปสามวัน มีคนจากบริษัทอะไรไม่รู้โทรมาสอบถาม ผมก็เล่าเรื่องแล้วก็เงียบ หายไปอีก ๑๐ วัน ก็มีเจ้าหน้าที่ บริษัท ล. โทรมาแล้วก็เงียบ หายไปอีก ๕ วัน ก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาอีก ผมเลยบอกว่า “ผมเป็นผู้บริโภคที่ดี จ่ายเงินก่อนเห็นสินค้า (ตามกฎของคุณ) ได้เงินผมไปแล้วสินค้าได้ไม่ครบ เพราะคุณส่งผิด เวลาผ่านเป็นเดือนยังไม่เรียบร้อย แค่ส่งของให้ผมอีกชิ้นมันยากหรือครับ ความผิดของคุณทำไมผมต้องมารับกรรมนั้นด้วย ผมให้เวลา ๗ วัน เกินจากนั้นไปเจอกันในศาล” เจ้าหน้าที่ก็วางสายไปอย่างไม่พอใจ เพราะได้ยินเสียงแข็ง ๆ ของผมที่เริ่มมีอารมณ์ เย็นวันที่ ๗ ผมก็นั่งพิมพ์ภาพที่ถ่ายส่งให้ดูตอนเปิดกล่อง หลักฐานอย่างอื่นไม่มีอะไรเลยเช้าวันรุ่งขึ้นเดินไปศาลแขวงในเขตที่ผมนั่งสั่งซื้อหน้าคอมทางอินเตอร์เน็ต พูดยากจัง 555

ศาลที่มีเขตอำนาจเหนือบ้านผมนั่นเอง เพื่อให้เจ้าพนักงานศาลช่วยจัดการให้ เริ่มเข้าสาระครับ กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคบัญญัติให้ต้องมีเจ้าพนักงานศาล ทำหน้าที่ร่างฟ้องให้ผู้บริโภคเรียกกันว่า “เจ้าพนักงานคดี” ช่วยค้นหาหลักฐานทางทะเบียนของจำเลยให้ กรณีนี้คือหนังสือรับรองบริษัท ศาลจะนัดเร็วครับ ประมาณ ๓๐ วันได้เจอกัน ไม่เสียค่าธรรมเนียม ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพราะกฎหมายนี้สร้างเพื่ คุ้มครองใครครับ….แน่นอน ผู้บริโภค เจ้าพนักงานศาลร่างคำฟ้องให้ผมเสร็จเรียบร้อยโดยไม่ต้องมีทนายความ ให้ผมลงชื่อในเอกสารหลายอย่าง แล้วพาไปยื่นที่เคาเตอร์รับฟ้อง ได้วันนัดเป็นอันเสร็จเรียบร้อย หลังจากได้รับคำฟ้องผมแล้ว บริษัท ล. โทรหาบอกจะคืนเงิน ๙๐๐ บาท ผมบอกว่าตอนนี้จะตกลงอะไรให้ไปคุยกันในศาล เลยได้ส่งอีเมล์ให้ผม บอกว่าได้รับของที่ผมส่งคืนแล้ว ๒ ชิ้น ผมก็เริ่มฉุนเล็กน้อย จะเอามาเป็นทริกในคดีหรือเปล่าว่าผมคืนของเอง ไว้เจอกัน ส่งสองสามครั้ง แถมส่งข้อความมือถืออีกต่างหาก

ทีอย่างนี้ดำเนินการรวดเร็วฉับไวในทันที ในวันศาลนัด ทางบริษัท ล. เตรียมทนายความที่จ้างจากนอกบริษัท ล. นิติกรของบริษัท และผู้จัดการ เตรียมเอกสารมาปึกใหญ่ ศาลถามว่าคุณไม่ส่งของใช่ไหม เขาก็ขอไกล่เกลี่ย ในห้องไกล่เกลี่ย ผู้จัดการก็ขอโทษ ทนายเริ่มรู้ว่าผมเดินไปตรงไหน ทนายความในและนอกห้องพิจารณาก็ทักทายยกมือไหว้ เรียกท่าน หน้าบัลลังก์ก็รู้จัก พอรู้สถานะเราการพูดคุยก็ง่ายขึ้นเยอะ ทนายความไม่โย้เย้เรื่องมากตามสไตล์ ในที่สุดก็ยอมตามฟ้องทุกประการ จ่ายเงินคืนให้ผม ๙๐๐ บาท พร้อมค่าเสียเวลาค่าโมโหอีก ๒๐,๐๐๐ บาท หลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ๑๕ วัน แถมคูปองลดราคามาอีก ๑,๐๐๐ บาท ผมก็เอาเงินที่ได้ไปทำบุญ อยากให้รู้ว่ากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคนั้น บัญญัติไว้สำหรับผู้บริโภค ไม่ต้องมีทนายความ ไม่ต้องหาหลักฐานของฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจ

มีเจ้าพนักงานศาลร่างคำฟ้องให้เรียบร้อย แถมหากต้องสืบพยาน ศาลถามให้ ไม่ต้องรู้อะไรมากครับ แค่รู้ว่าเราเสียหาย เสียเปรียบอย่างไร คุ้มครองไม่ว่าเรื่องการซื้อขาย การให้บริการ สินค้าไม่ดี ไม่มีคุณภาพ ส่งของไม่ครบ สินค้ามีปัญหากับเนื้อตัวร่างกาย เรียกว่าได้หมด แถมหน้าที่นำสืบตามที่เราฟ้องตกกับฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจ ที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และค่าส่งหมายเลย สรุปง่าย ๆ ไม่เสียสักบาทแล้วกัน คนไทยยังรู้เรื่องนี้น้อย แถมยังยอมเสียเปรียบอย่างไม่น่าเชื่ออีกจำนวนมาก หากเราโดนกระทำและเสียหาย การนิ่งเฉย คือการทำลายระบบ เพราะเราไม่ต่อต้านผู้ไม่สุจริต กลับสนับสนุนให้เขาเหิมเกริมกล้าปฏิบัติแย่ๆ กับลูกค้าอีกนับจำนวนไม่ถ้วน การกระทำของผมในครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท แต่ทำให้เขาไม่กล้าไปปฏิบัติแย่ ๆ กับประชาชนอีกจำนวนมาก นั่นคือสิ่งที่ผมชนะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ”

อ่านแล้วก็ตกใจเหมือนกัน เตรียมตัวไว้ก็ไม่เสียหายนะคร้าบ...

2020 เริ่มต้นแห่งหายนะ...Supernova Crisis ?

การวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจหลายแหล่งและการพยากรณ์เศรษฐกิจโลกจาก Financial guru หลายท่าน สิ่งหนึ่งที่พูดตรงกันคือ ปี 2020 จะเกิดปัญหา World Economy Crisis และนักวิชาการบางท่านถึงกับบอกระดับความรุนแรงว่า...มันจะเป็น..Supernova crisis ด้วยซ้ำ สาหัสกว่าครั้งใดๆที่โลกเคยเจอตั้งแต่หลังสงครามโลก สาเหตุหลัก คือ...
1. American Great again ของทรัมป์ นโยบายเห็นแก่ได้และเห็นแก่ตัว ที่จะทำให้สมดุลย์โลกเปลี่ยนไป
2. Trade war ระหว่างพี่จีนกับพี่มะกัน ที่กำลังจะสร้างคลื่นผลกระทบกับประเทศต่างๆ เร็วๆนี้ สินค้าจีนที่ขายในเมกาไม่ได้ อาจถูกเทมายังภูมิภาคแถวๆบ้านเรา
3. ปัญหาการล้มละลายบางประเทศใน Euro Zone ที่จะเกิดเป็น domino ลุกลามเหมือนเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง เพราะนโยบาย QE การปั๊มเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจของยุโรป กำลังหมดแรง

ประเทศไหนไปก่อน...?
1. ประเทศที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก...เศรษฐกิจไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
2. ประเทศที่เน้นประชานิยม...แจกจ่ายเงินและให้สวัสดิการโดยไม่มีเป้าหมายจนคนในชาติอ่อนแอ อยู่แบบไร้ศักดิ์ศรี เห็นว่าการแบมือขอเงินจากรัฐเป็นเรื่องปกติ เป็นสิทธิที่ควรได้ ขณะที่คนทำงานเสียภาษี...ไม่ได้อะไร
3. การลงทุนมหาศาลโดยการกู้และการลงทุนนั้นเกินตัว...ไม่สร้างรายได้ เพราะเป็นการสร้างภาระหนี้มหาศาลและหนี้ก้อนนี้อาจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ในอนาคต"ล้มละลาย"คือหายนะที่ตามมา

เตรียมตัวอย่างไร....?
1. ลดหนี้สินที่มีทั้งหมดที่มี โดยเฉพาะทรัพย์ที่ยังติดเงินกู้ธนาคาร ระบายออกให้หมด ดอกเบี้ยขาขึ้น น่ากลัวกว่าที่คิด โดยเฉพาะฟองสบู่ของอสังหาฯ ที่พี่จีนมาจองไว้เต็มไปหมดและคาดว่าจะทิ้งจองมหาศาล
2. เก็บเงินและอดออม เพราะไม่แน่ว่าอนาคตอาจไม่มีเงินให้เก็บไว้ใช้ เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี การเลิกจ้างจะกลายเป็นกระแสหลักของบริษัทฯทั้งหลาย
3. อย่าลงทุนใหม่ ถ้าไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลตอบแทนแบบยั่งยืน...อย่าโลภจนขาดสติ
4. มองหาลู่ทางทำมาหากินเพิ่มเติม ว่าจะได้เงินอย่างไร โดยไม่ต้องลงทุน...เลิกดู Korea Series...เลิกเล่นเกมส์....เอาเวลาไปคิดเรื่องทำอย่างไรถึงมีรายได้เพิ่ม
5. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง...กินน้อยลง...ใช้ของถูกลง...งานเลี้ยงสังสรรค์เลิกซะ
เหลือเวลาอีก 1 ปี อาจเร็วจนเราตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ยังมีเวลาและเวลาเราเท่ากัน...อยู่ที่ว่าใครคิดได้ก่อนกัน...เท่านั้น
BigSize Thailand

วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ที่จะถึงนี้ ถูกกำหนดให้เป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก ในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่มีการยึดอำนาจ ของคณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ดังนั้น วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 จึงถือว่าครบรอบ 5 ปี ที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของคณะรัฐประหาร
มีความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารต่อ ในขณะที่ก็มีความพยายามที่จะหยุดยั้ง การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร เช่นกัน
การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ฝ่ายที่ต้องการรักษาอำนาจ มีความได้เปรียบทั้ง กติกา และ กรรมการ ขณะที่ฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจก็ตกอยู่ในสภาพของการตีโอบ กลั่นแกล้งทุกรูปแบบ และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา คะแนนเสียงของทั้งสองฝ่ายไม่ห่างกันมาก การจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงเป็นอีกสมรภูมิการต่อสู้ที่ดุเดือด ซึ่งฝ่ายสืบทอดอำนาจมีแรงหนุนจาก ส.ว. 250 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช. จะยกมือสนับสนุนเลือกนายกรัฐมนตรี ช่วยอีกแรง แต่แม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายสืบทอดอำนาจ จะผ่านไปได้ แต่เสถียรภาพของรัฐบาลก็ไม่สู้จะ มั่นคงเท่าไหร่
เพื่อทำให้รัฐบาลใหม่ของฝ่ายสืบทอดอำนาจ มั่นคง จึงต้องจัดการฝ่ายต่อต้านให้เปลี้ยง่อยต่อไป ซึ่งดาบได้ฟันไปที่พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวานนี้ (16 พฤษภาคม 2562) ที่ กกต. มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย คุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีการถือหุ้น วี - ลัค มีเดีย ตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. การตัดสิทธิ์ การขาดคุณสมบัติ ในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคนใหม่ เป็นไปอย่างมีนัยยะ ไม่ใช่เพียงแค่ธนาธรเป็นเสี้ยนหนาเพราะมีจุดยืนอยู่ต่อต้าน การสืบทอดอำนาจเท่านั้น แต่ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เป็นคู่แข่งใหม่ที่มี ส.ส.มากถึง 80 คน ซึ่งมากพอจะสั่นคลอนอำนาจของฝ่ายสืบทอดอำนาจได้ และยิ่งล่าสุดเมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศตัว นำพรรคอนาคตใหม่ เป็นขั้วที่สาม ในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ยิ่งทำให้ฝ่ายสืบทอดต้องเร่งจัดการให้เร็ว ซึ่งเวลายังพอมีก่อนเปิดประชุมสภานัดแรก
การจัดการธนาธร ก็คงจะสั่นสะเทือนพรรคอนาคตใหม่ ได้พอสมควร แต่หากจะสั่นคลอน พรรคอนาคตใหม่ และพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจได้ ต้องจัดการพรรคอนาคตใหม่ทั้งพรรค โดยเริ่มจากธนาธร เพื่อให้ลามไปถึง 79 ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้
22 พฤษภาคม 2562 วันเปิดประชุมสภา และ ยังเป็นวันครบรอบ 5 ปี การครองอำนาจของ คณะรัฐประหาร หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ช่วงที่รัฐประหารใหม่ ๆ ซึ่งในช่วงนั้น มีข่าวลือกันว่า เขาจะอยู่ในอำนาจ 5 ปี ซึ่งในครั้งนั้น ไม่มีใครเชื่อ แต่แล้วข่าวลือในวันนั้นก็เป็นจริงในวันนี้
22 พฤษภาคม 2562 ฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ที่ชูการ “ปิดสวิตซ์ ส.ว.” เพื่อยับยั้ังการสืบทอดอำนาจ ของ คสช. ก็ดูเหมือนว่ากำลังจะตกเป็นฝ่ายถูกปิดสวิตซ์เสียเอง
การปิดสวิตซ์ พรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ อาจไม่ใช่แค่จัดการพรรคการเมือง ฝ่ายตรงกันข้ามเท่านั้น แต่อาจลามไปถึง การ “ปิดสวิตซ์ประชาธิปไตย” ไปด้วย
.....เวลายังมี พื้นที่ก็ยังพอ....อะไรก็เกิดขึ้นได้ !!!!