หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ

Page ของ Gublue Chat

As i Am
เป็นสมาชิกมาแล้ว 4 ปี
Gublue
ช่างมันเถอะถ้าใครจะไม่รัก...เพราะแน่ๆก็คือ รักตัวเอง
8M
Gublue
ทบทวน
8/6/66
Morning vibes เป็นช่องหนึ่งใน youtube เสียงเพลงไหลผ่านช่องว่างในรูหู ขณะที่เสียงความคิดพรั่งพรูขึ้นในใยสมอง ความพยามที่จะผ่อนคลายตัวเองกำลังก่อตัวขึ้นทีละน้อย สายตาจับจ้องที่แป้นพิมพ์มากกว่าที่หน้าจอเพราะไม่อยากให้พิมพ์ผิด เสียงเพลงถูกเปลี่ยนช่องกลับมาช่องเดิมที่เคยฟังใช่แล้ว lofi hiphop radio ถึงแม้หลังจะเอียนตัวพักไปที่พนักเก้าอี้แต่ก็ยังรู้สึกปวดเอวขยับมานั่งหลังตรงจะดีกว่าถึงจะรู้สึกปวดน่องอยู่บ้างแต่ช่างเถอะเรื่องบางเรื่องก็ปล่อยให้มันลอยข้ามหัวไปบ้างไม่จำเป็นต้องไปตามแก้ทุกเรื่องเอาที่พอดีที่ดีพอ ลมผ่านกระทบตัวเป็นระยะๆ แน่นอนไม่ใช่ลมธรรมชาติแน่ๆ มันมาจากพัดลมเครื่องเก่าที่กำลังหมุนไปมาแต่ก็ทำให้รู้สึกเย็นสบายดีไม่น้อย

การเขียนมาเป็นพักๆ หลังจากที่วุ่นวายกับการหางาน สมัครงาน ทดลองงานมามากมายสรุปไม่ได้ซักที่เลยกลับมาอยู่กับตัวเองคิดว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ คือมีช่วงเวลาที่ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวทุกครั้งที่คนดูแลไม่อยู่จะเกิดอาการเคว้งเริ่มทำงานไม่ได้ อาการทางจิตก็เริ่มก่อตัวความกระวนกระวายใจถาโถมล่าสุดที่เจออดทนจนถึงเวลาเลิกงานจนได้ครบเวลางานแต่ทว่าอีกวันคือวันหยุดกลับกลายเป็นวันที่ไปลาออกเพราะถูกกดดันจากหัวหน้างานว่าจะย้ายให้ไปอยู่ต่างจังหวัด ไปไม่เป็นเลยทีนี้ไม่มีความคิดใดเลยนอกจากพรายกระซิบเสียงเล็กๆ อันทรงพลังในหัวที่เป็นด้านลบรีบเร่งทำงานของมันบอกให้ “ลาออก..ลาออกเดี๋ยวนี้ อยู่ไม่ได้แล้ว” แล้วก็เป็นไปตามนั้นการลาออกเกิดขึ้นจนได้ และซ้ำๆ กับเหตุการณ์ทำนองนี้

พรายกระซิบเป็นพลังลบที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อไม่มีทางต่อต้านหรือจัดการเลยเหรอ เห็นอยู่สิ่งหนึ่งก่อนที่พรายกระซิบจะสำแดงเดชคือการทำพลาด ไม่ว่าจะวางแผน ตั้งเป้าไว้ดีอย่างไร พอพลาดทุกอย่างคือล้ม ล้มทั้งกระดานเลยจริงๆ ไม่เอาอะไรเลย

ทุกครั้งที่พลาดซ้ำๆ หลายครั้งเข้าก็เริ่มมองเห็นตัวเองอย่างหนึ่ง ความพยามยาม ยังไม่ต่อเนื่อง เหมือนเรื่องเลิกบุหรี่วางแผนไว้ดิบดีจะหักดิบทั้งๆ ที่นักกิจกรรมบำบัดบอกให้ลดจำนวนใจร้อนไม่ดูตัวเอง เหมือนกับเรื่องงานใจร้อนอยากทำงานที่แม้แต่งานบ้านยังทำไม่ได้เลย จะไปทำงานที่ต้องรับผิดชอบได้อย่างไร เข้าใจว่าอยากช่วยแม่อยากหารายได้แต่ไปแล้วไม่ได้มันทำให้แม่ผิดหวังซ้ำๆ จนไม่มีใครอยากให้เริ่มไปสมัครงานที่ไหนเพราะไปแล้วทำไม่ได้ต้องลาออกไม่ก็ทดลองงานไม่ผ่าน สอบไม่ผ่านบ้าง เค้าไม่รับบ้าง ทนทำงานไม่ได้บ้าง เคยได้ยินคำว่า “รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” แต่นี้ไม่รู้อะไรเลยเดินดุ่มๆ ไปสมัครและทำงานคิดว่าตัวเองปกติ อันที่จริงก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ที่ผ่านมาใช้ชีวิตกับตัวเองไม่เคยรับผิดชอบ หรือต้องทำอะไรเลย ไหลลอยตามน้ำลงที่ต่ำไปวันๆ เจอน้ำใสก็ใจดี น้ำขุ่นก็ตามสภาพ

ได้รู้แล้วว่าการไม่รู้จักตัวเองสำคัญอย่างไรมันมีผลกับทุกเรื่องทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องพื้นๆ จนหลายคนมองข้ามแต่กลับสำคัญอย่างยิ่ง การที่ไม่รู้จักตัวเองว่าคิดอะไร ทำอะไร อยากหรือไม่อยากทำอะไรไม่ใช่แค่รอให้มันลอยตามน้ำมาเจอแล้วบอกว่านี่แหล่ะอยากทำ หรือไม่อยากทำ เรื่องภายในก็ควรมาจากภายในรู้ข้างในก่อนว่าชอบหรืออยากทำอะไรแล้วต้นทุนตัวเองทำอะไรได้ และจะต้องทำอะไรเพื่อให้ไปถึงจุดที่จะทำสิ่งนั้นได้อย่างไร ตอนนี้อยากเป็นอย่างหมอเป็นที่ปรึกษาให้ใครๆ ทำให้ใครมีความสุขกลับไปเมื่อได้เจอ ก็คิดไปเองว่าต้องเรียน ปโทต่อถึงจะทำได้ เอาจริงๆ พูดหรือทำให้คนสบายใจจำเป็นต้องเรียนไหม เรียนด้วยตัวเองได้ไหม อ่านหนังสือฝึกตัวเองให้มีความสุขให้ได้ก่อนไหมที่จะไปทำให้คนอื่นมีความสุข เอาจริงก็รักตัวเองนั่นแหล่ะที่ต้องทำตอนนี้ไม่ใช่สักแต่พูดว่ารักตัวเอง “คนเราไม่ได้เชื่อที่คำพูด แต่เชื่อที่การกระทำ อยากเชื่อความคิดไหน ทำตามความคิดนั้นดู” (หมอส้มกล่าว) นึกย้อนถ้าทำตามที่คิดไม่ได้ล่ะจะทำยังไง เสียงกระซิบดังอย่างแผ่วเบาว่า “ทำให้ง่าย” ยอมรับว่าตัวเองใจร้อนอยากประสบความสำเร็จเร็วๆ อยากเลิกบุหรี่ได้ อยากมีงานทำ

คิดว่าควรมองตัวเองกันมุมมองใหม่ ที่ทำงานไม่ได้หรือทำอะไรไม่สำเร็จเพราะไม่รู้ตัวเองฝืนตัวเองมาตลอดดูตัวเองในตารางบันทึกกิจกรรมเวลาที่ทำอะไรที่ไม่ต้องฝืนกลับทำได้ดี ตั้งเป้าไว้ยากเกินไปนั่นเองทำอะไรเกินตัวถึงไม่สำเร็จซักที พอไม่สำเร็จก็ท้อ นิสัยใจร้อนลุกลามไปกับทุกเรื่องแม้แต่เรื่องอ่านหนังสือที่เป็นแค่กิจกรรมผ่อนคลายแต่กลับอ่านทีเป็นบทๆ เอาจนจบบทและวันนึงก็อ่านได้1–2บทแต่พอว่างจากอ่านหนังสือก็ไม่รู้จะทำอะไร จากนี้ควรค่อยๆ อ่านไปอ่านทีละเล็กละน้อยแต่อ่านทั้งวัน ทำอะไรทีละเล็กละน้อยแต่ทำสม่ำเสมอทุกวันค่อยๆ ฝึกไปชีวิตไม่ได้ยากขึ้นแต่ชีวิตมีอะไรให้เรียนรู้มากมายและต้องอาศัยทักษะ แต่ฝึกฝนได้
11M

Hot Topic ที่กำลังได้รับความนิยม

ตกงานแบบไม่ได้ตั้งตัว
ผมอยากเขียน
ตั้งใจปล่อยปลา แต่ที่โยนไปไม่ใช่ปลา
หวยแม่นแม่น
Gublue
Chan'm blue
Jan 7
ความ(เหงา)ของปัจจุบัน
ลมเอื่อยๆแทรกตัวผ่านช่องหน้าต่างสัมผัสได้ถึงความเย็นวันนี้อากาศไม่หนาวมากกำลังดีเย็นสบาย แสงและเงาของกิ่งก้าน ใบของตนแก้วกำลังไล่เรียงเฉดสีตามท่วงทำนองของสายลมราวกับกับเต้นระบำ กลิ่นบุหรี่ไหม้ยังคงผ่านปลายจมูกอยู่ทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกันผมนึกในใจอยู่ว่าเมื่อไหร่จะเลิกสูบได้ซักที เก้าอี้ถูกดึงเข้าไปใกล้โต๊ะอีกนิดเพื่อที่หลังจะได้พิงบรรเทาอาการปวดหลัง ผมนั่งขัดสมาดบนเก้าอี้อีกครั้งเพราะความเคยชินที่ไม่อยากแตะพื้นเย็นๆ เสียงข้างบ้านคุยโทรศัพท์ดังมาถึงโต๊ะที่ผมนั่งพร้อมกับสียงเด็กน้อยลูกสาวของเธอ
หลายต่อหลายครั้งในช่วง3–4วันที่ผ่านมาโปรแกรม word ถูกเปิดและปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมพยามที่จะเขียนแต่ไม่อาจต้านทานความขี้เกียจละอาการต่างที่กำเริบเป็นว่าเล่น หนึ่งในนั้นเป็นอาการของจิตเภทซึ่งทำให้ผมกลัวไปหมดไม่ว่าจะทำอะไรหรือมีเหตุการณ์ไหนเกิดขึ้นล้วนถูกเชื่อมโยงไปทางสิ่งลี้ลับความเชื่อภูตผี ปีศาจ องค์เทพ ผมเลิกคิดว่าตัวเองเป็นร่างทรงหลังจากได้รับการรักษามาได้ระยะนึงซึ่งก่อนหน้านั่นผมคิดว่าตัวเองเป็นร่างทรงที่ไม่ยอมรับขันธ์เป็นเหตุให้ตัวเองเจ็บป่วยต่างๆนานา พอผมได้มารู้ว่าว่ามันเป็นอาการหลงผิดของโรคจิตเภทถึงเข้าใจตัวเอง
เวลามีความคิดหรืออาการที่อธิบายไม่ได้ผมจะโยนให้เป็นอารการของโรคในทันทีก่อนที่จะมีความคิดปรุงแต่งอย่างที่เคยผ่านมา หากแต่ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นอาการกลัวบาป ผมจะรู้สึกผิดและคิดไปเองว่ากำลังถูกลงโทษด้วยผลจากบาปนั้นทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดมากมายนัก มีเพียงแค่คิดจะทำบาปหรือผิดศีลเท่านั้นความกลัวผลของบาปกับส่งผลรุนแรงจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถึงนั่นจะเป็นเรื่องดีแต่ทุกอย่างควรแขวนอยู่บนตราชั่งที่เสมอกัน ความกลัวที่มากเกินจนไม่เป็นอันทำอะไรก็ดูจะเกินไป ซี่งแต่ก่อนผมไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย
ที่ผมต้องการตอนนี้คือ ความพอดี ปล่อยวาง และอยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้มากที่สุด ผมนึกถึงนิทานเซนที่เคยนำมาเขียนในบันทึกกล่าวถึงพระ2รูปที่เดินทางมาเจอแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกับผู้หญิงหนึ่งคนทั้งสามต้องการข้ามแม่น้ำ พระรูปนึงได้อาสาอุ้มหญิงสาว และทั้ง3ก็ขามแม่น้ำไปพอถึงฝั่งก็แยกทางหากแต่พระอีกรูปตะขิดตะขวงใจไม่กล้าถามถึงความสมควรที่พระอีกรูปอุ้มหญิงสาวซึ่งไม่สมควรสำหรับพระ ได้แต่เก็บไว้ในใจครุกรุ่นจนมาถึงวัดอดใจไม่ได้ถึงจึงถามพระรูปนั้น พระรูปนั้นจึงตอบว่า “เราวางหญิงสาวไว้ที่ฝั่งแล้วใยท่านจึงอุ้มนางมาถึงที่นี่”
ผมเองก็เคยมีประสบการณ์คล้ายกันนี้ตอนที่บวชเป็นพระ มีครอบครัวนึงมาเที่ยววัดแน่นอนว่าหมาวัดย่อมมีอยู่เต็มวัด ขณะที่พ่อแม่กำลังถกเถียงอะไรกันอยู่จนลืมดูลูกตัวเอง ทันใดนั้นผมรู้ตัวอีกที่ปลายนิ้วผมถูกกำไว้แน่น ลูกสาวของคนทั้งสองกลัวหมาวัดที่กำลังเห่า ผมจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยพาเด็กไปหาพ่อแม่ ในใจนึงก็คิดว่าผิดศีลหนักเลยนะนั่น แต่ใจนึงก็คิดว่าถ้าเห็นแล้วไม่ช่วยก็ผิดศีลเหมือนกัน และเด็กอาจถูกหมากัดได้ ผมย้อนนึกเหตุการณ์เหล่านั้น บางทีไม่ว่าเราจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตามที่ทำไปไม่ว่าถูกหรือผิดเมื่อทำเสร็จแล้วมันก็จบแล้วอย่าได้แบกมันเอาไว้
ความพอดีในสิ่งที่ทำอะไรที่เป็นเราย่อมไม่แปลกที่จะมีทั้งเรื่องถูก และเรื่องผิดคนเราไม่ได้สมบูรณ์แบบกันทุกคนจักต้องมีเรื่องผิดพลาดกันไม่มากก็น้อย สิ่งที่ทำได้คือปล่อยวางเหตุการณ์นั้นๆลงเสีย แล้วอยู่กับปัจจุบัน กว่าผมจะคิดได้ว่าอาการที่เป็นอยู่อาจจะเป็น ความละอาย ความกลัวต่อผลของบาปที่ออกจะมากเกินความพอดี การยึดมั่นว่าเป็นเรา คิดว่าเราทำผิดและโอบกอดความผิดนั้นไว้กับกับตัวตลอดเวลาจนกลายเป็นความทุกข์ โดยทอดทิ้งปัจจุบันขณะที่เป็นคิดถึงแต่อดีตที่ยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ปล่อยให้ปัจจุบันต้องเหงา
“เพราะไม่มีใครอยู่กับปัจจุบัน”
ขอบคุณที่อ่าน
1Y
Gublue
ช่วงเวลา(ขอบคุณ)ความสับสน
เก้าอี้ถูกลากเข้าออกประตูถูกเปิดและปิดเสียงฝีเท้าย่ำจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง ย้ำฝีเท้าเจ้าร่างออกไปที่สวนแล้วกลับเข้ามา ที่สุดแล้วเก้าลากออกมาและถูกนั่งลงอีกครั้งเสียงเพลงที่ถูกเปิดทิ้งไว้กลับมามีคนฟังอีกครั้งสลับกับเสียงเคาะคีย์บอรด์ ถัดขอบจอคิมพิวเตอร์เป็นหน้าต่างเปิดให้เห็นสีเขียวล้อมรอบอาคารสีขาวที่กำลังก่อสร้างมองเห็นชัดเจนท่ามกลางสวนผักนานาชนิด ลมหายใจถูกถอนออกมาอีกครั้ง ใจที่สับสนกำลังถูกระบายออกมาเป็นถ้อยคำผ่านบทความสั้นๆนี้

ขอบคุณ สำหรับหลายครั้งที่คนถามว่าทำงานอะไรผมได้แต่ตอบว่าตกงาน ตกงานความจริงข้อนี้ตอกย้ำชีวิตร่วม10ปีที่ผ่าน การมีอาการทางจิตของผมย่ำแย่จนต้องได้รับการรักษามาอย่างยาวนานกว่าจะถึงวันนี้ ผมเข้าออกที่ทำงานหลายที่ในช่วงที่ผ่านมา ได้โอกาสได้มีครอบครัวและสูญเสียมันไป การสูญเสียทั้งงาน และครอบครัว การพรากจากลูกอันเป็นที่รักเป็นเวลา2ปีแล้วสำหรับการจากไป เห็นแต่เพียงรูปภาพที่ภรรยาเก่าส่งมาให้

ขอบคุณ สำหรับความรู้สึกแย่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงจนผมต้องใช้ยาลดความเครียดมาช่วยบรรเทาหลายต่อหลายครั้ง ผมไม่ได้เตรียมตัวหรือความพร้อมกับเหตุการณ์เหล่านั้น ได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลยและเก็บความทุกข์ทั้งหลายไว้กับตัวเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจิตแพทย์และทีมรักษาอาการทางจิตของโรงพยาบาล ยาถูกกินผ่านวันแล้ววันเล่าจนถึงวันนี้ที่เริ่มดีขึ้น ผมเริ่มเดินและพยายามที่จะช่วยตัวเองให้มากขึ้นใช้ยาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังมีเรื่องการศึกษาของลูกเป็นปัจจัยของการสูญเสีย เราไม่มีเงินพอที่จะส่งลูกเรียนผมและภรรยาตัดสินใจแยกทางเพื่อให้ลูกได้มีโอกาศได้เข้าเรียนโดยความช่วยเหลือของญาติฝ่ายภรรยาลูกผมได้มีโอกาศเรียน ผมไม่ได้ฟังเสียงของหัวใจเลยตอนแยกจากกันคิดแต่เพียงว่าคงไม่เป็นไร เพื่อลูก ผมคิดอย่างนั้น

ขอบคุณ สำหรับท้ายที่สุดในไม่กี่สัปดาห์ภรรยาโทรมาบอกผมว่าจะไม่กลับมาอีกต่อไป นั่นเป็นวิธีบอกเลิกของเธอผมได้แต่อึ้งแล้วปล่อยเลยตามเลยอีกครั้ง

ขอบคุณ สำหรับการปล่อยวางในความเข้าใจใหม่ ความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดคือตัวผมเองที่จมอยู่กับอดีตผลของการปล่อยให้เลยตามเลยไม่พยามรั้งหรือทำอะไรจากนี้ไปเมื่อเกิดอะไรขึ้นอีกผมจะรั้งหรือพยายามให้ดีที่สุดก่อนแทนที่จะปล่อยให้เลยตามเลยเหมือนที่เคยผ่าน ความเข้าใจผิดร้ายลึกกว่าความไม่เข้าใจ คิดไปว่านั่นคือการปล่อยวาง แท้จริงและคือมันควรวางอยู่ที่ใดแล้วจึงว่างไม่ใช่ปล่อยมือลงดื้อๆอย่างนั้นให้ตกลงพื้นหรืออยู่ในที่ๆไม่สมควร

ขอบคุณ สำหรับเวลาที่ผ่านประสบการณ์ดีๆในการรักษาเห็นผลดีเกินคาดเมื่อผมให้ความร่วมมือกับทีมแพทย์ ในความพยายามที่จะเยียวยาตัวเอง ทุกช่องทางที่สามารถทำได้ทำความกรุณาต่อตนเองด้วยสายตาของการเติบโตผ่านการเรียนรู้การรักษา

ขอบคุณ สำหรับมุมมองใหม่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควรไม่ได้แปลว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออะไรที่เป็นตัวเองที่ดีก็คงไว้อย่างการไม่หน่ายที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ลงครอสเรียนออนไลน์ต่างๆ ในสถานศึกษาบ้าง และด้านแย่ๆอย่างการดื่มเหล้าทิ้งลงเสีย ความขี้ขลาดที่หวาดกลัวการรับผิดชอบ จากนี้ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าต่อสังคม ครอบครัว หรือแม้แต่จากตัวผมเอง

และท้ายที่สุด ขอบคุณสำหรับการเขียนบทความเพื่อที่จะเรียนรู้จักตัวเองผ่านการเขียนและการอ่าน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในกลุ่นเพื่อน ความเห็น คำเสนอแนะแนวทาง ผ่านกำลังใจดีๆจากตัวเองและผองเพื่อน (อีกสิ่งหนึ่งที่อยากขอบคุณคือหนังสือ วะบิ ซะบิ แด่ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต เขียนโดย เคมป์ตัน เบท ปี2018 แปลโดยคุณวุฒิชัย กฤษณะประกอบกิจ)

มาถึงตอนนี้ผมจะเขียนสิ่งเหล่านี้และแบ่งปันแนวความคิดที่เติบโตขึ้นจากการเรียนรู้รอบตัวอย่างไม่จำกัด
1Y
1Y
เจ้าหนูบู้บี้ ขอให้วันนี้มีความสุขนะค้า
1Y
Gublue ครับผม
1Y
Happy Happeeeee ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา มันจะเป็นบทเรียนสอนเรา แค่วันนี้คุณออกไปเดิน แล้วยิ้ม ความสุขมันมีอยู่รอบตัว ถ้าเรามองหามันเจอ โดยไม่เอาความทุกข์มาปิดบังสายตาและความรู้สึก
1Y
Happy Happeeeee เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ต่อไป ทาเคชิ
1Y
Gublue ขอบคุณครับ
Gublue
Chan'm blue
Dec 20
บึงกว้าง
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทุ่มนึงแล้วได้เวลากินยาหากแต่ผมกินยาไปก่อนหน้านี้5นาทีก่อนที่จะมาเขียนบทความนี้ ท้องฟ้าคืนนี้มืดสนิทไม่เห็นดาวมีเพียงแต่แสงไฟหน้าบ้านส่องให้เห็นต้นวาสนากับต้นแก้วขอบรั้วริมหน้าต่าง ดูสงบนิ่งราวกับว่าถึงเวลาที่ต้นไม้กำลังหลับไหลหลังพ้นแสงอาทิตย์ เสียงอ๊อดๆแว่วมาข้างหลังมันคือเสียงจากชุดโคมไฟนีออนเก่าๆส่งเสียงอวดครวญถึงอายุของมันใกล้จบเต็มที ใช่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนนั่นจนกว่าไฟจะไม่ติดนั่นแหล่ะ บุหรี่มวนหนึ่งถูกหยิบมาจากซองสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคยมันคือกลิ่นบุหรี่ที่สูบประจำ เสียงรถวิ่งผ่านไปผ่านมาจากถนนอีกฟากของหมู่บ้านแว่วผ่านหูไปมาเป็นจังหวะกับเสียงรถหน้าบ้าน ค่ำนี้อากาศเย็นเสื้อแขนยาวที่ใส่ช่วยให้ความอบอุ่นไม่หนาวจนเกินไป และพื้นที่เย็นจนไม่กล้าวางเท้า

เสียงเพลงถูกเปิดขึ้นมาทำลายความเงียบยามค่ำคืนเสียงเครื่องบินๆผ่านมาพอดีแล้วหายไปกับท้องฟ้า ผมกลับมานั่งตรงนี้อีกครั้งในห้องเล็กๆกับคอมพิวเตอร์ตัวเก่า แน่นอนว่าผมยังว่างงานยกเว้นแต่การเขียนสิ่งเหล่านี้เรียกว่างานได้ ซึ่งผมก็อยากให้เป็นเช่นนั้น เวลาล่วงไปเช้าถึงค่ำหมดไปกับการสับสนของตัวผมเองเหมือนปลาในบ่อเพาะเลี้ยงได้ลงไปในบึงกว้างๆมากจนไม่รู้จะว่ายไปทางไหน “ตายล่ะ! ที่นี่ที่ไหน มีอาหารให้ไหมแล้วจะหากินยังไงฉันจะว่ายไปทางไหนแล้วฉันควรอยู่ตรงไหนของบึงนี้ ฉันอย่าตรงนี้ได้ไหมมีอาหารให้ฉันกินรึป่าว” ผมเหมือนปลาตัวนั่นที่เต็มไปด้วยคำถามในบึงกว้างไม่กล้าที่จะว่ายน้ำทั้งที่ตัวเองเป็นปลากลับกลัวการว่ายน้ำกลัวจะว่ายไม่ดี กลัวใครจะไม่ชอบที่ปลาว่ายอย่างั้นอย่างนี้ ณ จุดเริ่มต้องในบึงกว้างนี้ผมคงต้องอะไรซักอย่างกับตัวเองไม่งั้นคงอดตายเป็นปลาเน่าในบึงกว้าง ผมเริ่มว่ายและหาวิธีหาอาหารในบึงนี้ ใช่ครับผมกระโดดจากการเขียนบทความในสังคมเล็กๆไปสังคมที่ใหญ่กว่าเพื่อหาอาหารหรือรายได้นั้นเอง ผมได้เริ่มหาข้อมูลไปบ้างแล้วหากแต่มีเรื่องสงสัยอีกหลายเรื่องที่ไม่รู้จะถามใคร ยอมรับว่าผมอ่อนหัดจริงในสังคมที่ใหญ่กว่าไม่มีทั้งเพื่อนทั้งคนรู้จักไม่มีใครเลยในสังคมนั้น ผมต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อที่จะมีชีวิตรอด อย่างแรกที่รู้ตอนนี้คือผมลงมาอยู่ในบึงแล้วผมต้องว่ายน้ำตลอดเวลาไม่งั้นจมน้ำตายเสียชาติเกิดปลาจมน้ำตาย โชคดีที่ในบึงยังมีคนให้อาหารปลาเลยยังไม่ถึงขั้นอดตาย กว่าผมจะว่ายมาถึงการเขียนอยู่นี้ผ่านช่วงเวลาแห่งความกลัว กลัวไม่เป็นที่ยอมรับ กลัวใครจะไม่ชอบ กลัวการตอบรับไม่ว่าคำชมหรือตำหนิ แน่นอนว่าในบ่อผมจะว่ายยังไงก็ได้ตามใจตัวเอง ผมมาอยู่ในบึงสังคมใหญ่ขึ้นผมต้องระวังมากขึ้นการที่จะทำอะไรต้องคิดให้มาก

ผมเห็นควรที่จะต้องปลอบใจตัวเอง ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญดูแลสภาพจิตใจ และแน่นอนบางทีอาจจะต้องใช้ยาคลายเครียดช่วยให้ผ่านช่วงเวลาที่แสนทรมานนี้การเริ่มต้นต้องอาศัยความกล้า ด้วยคำตำหนิและคำชม ผมกำลังโต และโตพอที่จะว่ายในบึงกว้าง ในสังคมมที่ใหญ่กว่า ผมต้องการเยียวยาจิตวิญญาณด้วยการฝึกสมาธิ เรียนรู้ถึงคุณค่าของปัจจุบัน เคารพและสำนึกของคุณสิ่งต่างที่ผ่านเข้ามาไม่ว่าดีหรือร้าย มันช่วยให้ผมว่ายน้ำได้เก่งขึ้น

เจอกันในบึงกว้าง
1Y
Gublue
Chan'm blue
Dec 18
ความนึง
ผมกำลังอยู่ให้ห้องเล็กๆที่กั้นด้วยตู้วางของจัดเป็นพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือและทำงานอดิเรก มีคอมพิวเตอร์พีซีรุ่นเก่าตั้งอยู่หันหน้าไปทางหน้าต่างมองเห็นต้นตะขบกำลังล้อเล่นกับรถที่ขับผ่านไปมาด้วยแรงลมของรถใบ้ไม้ก็พริ้วไหวเป็นจังหวะ เสียงเพลงแนว lofi hiphop radio สลับเสียงรถที่ขับผ่านไปมาและเสียงเจื้อยแจ้วจากโทรศัพท์มือถือแว่วมาจากอีกห้อง กาแฟรสขมอมหวานร้อนๆแก้หนาวให้ความอบอุ่นที่มือ ผมจำกัดกาแฟให้กินได้เท่านี้เพื่อสุขภาพจิตของผมเอง กลิ่นกาแฟและควันบุหรี่เรื่อยเอื่อยลอยโชยลมมาแค่พอได้กลิ่นจางๆหลังจากดับไปแล้ว เบาะนวมเก้าอี้ไม่แข็งจนเกินไปทำให้นั่งสบายปปลายเท้าผมพาดไว้ที่วางเท้า(อันที่จริงผมคันเท้ายิ๊กๆขอเกาแป๊ป)ผมขยับเก้าอี้เข้าใกล้โต๊ะเพื่อที่หลังจะได้พิงกับพนักขณะที่พิมพ์อยู่นี้แก้ปวดหลัง

เสียงรถที่วิ่งผ่านไปมาเงียบลงแล้ว เสียงดนตรีและเสียงเคาะแป้นพิมพ์ยังดังเป็นจังหวะเท่าที่นิ้วพอกระดิกตาม ตอนนี้ผมกำลังพิมพบทความความรู้ที่ได้จากหนังสือเล่นนึงอยู่ตามคำแนะนำในนั้น อันที่จริงตอนนี้ผมได้พักงานเนื่องจากงานมีน้อยและสุขภาพผมไม่เอื้ออำนวยชีวิตการทำงานช่วงหนึ่งผ่านไปแล้ว ผมกำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆจากหนังสือ บทเรียนชีวิตการทำงาน ผมได้ไปสมัครแลสัมภาษณ์งาน ที่บริษัทรับล้างรถแห่งหนึ่ง ทว่าไม่ผ่านการพิจรณาเพราะผมขับรถยนต์ไม่เป็น นั่นทำให้ผมมีเวลาอยู่กับตัวเองมาขึ้น แต่ก็นั่นแหล่ะผมเสียศูนย์ไปเมื่อวานดื่มเบียร์เข้าจนได้ เพิ่งตั้งหลักได้ด้วยการอ่านหนังสือเล่มนี้

ณ จุดเริ่มต้นใหม่นี้ ผมยังพอที่จะอ่านเขียนบทความสั้นๆเหล่านี้ได้ ผมจะอ่านและเขียนสิ่งเหล่านี้แบ่งปันกันคนที่ได้อ่านถึงเรื่องราวและแนวความคิดผมที่เปลี่ยนไปต่อการมองชีวิติในมุมมองที่เป็นปัจจุบัน การยอมรับว่าตกงานไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับเพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่เคยมีตอนนี้ไม่มี มีแต่เพียงรายจ่ายที่รอคอยผมอยู่ เรื่องนี้ผ่านมาซักระยะนึงแล้วเกือบครบ1เดือนแล้วที่ผมว่างงาน ผมเรียนทำอาหารแต่ก็ฝึกทำได้กระท่อนกระแท่นเนื่องจากไม่มีทุนที่จะซื้อของมาทำอาหารเหล่านั้น จากความเจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองถูกพักงาน ผมใช้เงินส่วนหนึ่งซื้อหนังสือแนวพัฒนาตัวเองมา2เล่ม วะบิ ซะบิ ที่ผมนำมาเขียนและอีกเล่ม วิถี ขงจื๊อ ขงเบ้ง โจโฉ ที่รอผมไปอ่านต่อจากนี้ เพื่อที่จะผ่านเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไปได้ ผมเลือกที่จะเขียนระบายในนี้ แล้วแบ่งปันกับทีมรักษาอาการทางจิตของผมและเพื่อนๆกลุ่มที่ยังอ่านบทความที่ผมเขียน งดหางานจนปวดเครียดไปกับมัน ทางด้านร่างกายผมลดจำนวนแก้วที่กินกาแฟต่อวันลดลงเหลือ2–3แก้วต่อวัน และเดินออกกำลังบ้างในตอนเช้าแค่พอที่เดินได้ก่อนก็พอโดยไม่ระบุเวลาเดินเท่าที่รู้สึกพอก็พอ ซิทอัปในตอนเย็นเพื่อที่ผมจะสามารถใส่กางเกงตัวเก่าได้ไม่ต้องไปซื้อใหม่และเรียกความมั่นใจในหน้าท้องของตัวเอง และทางจิตวิญญาณของผม ผมได้มาฝึกสมาธิตอนเช้าหลังตื่นนอนถึงจะได้ไม่ทุกวันแต่ก็ได้เริ่มแล้ว และเขียนขอบคุณสิ่งต่างๆก่อนเข้านอนเพื่อเยียวยา สำนึกขอบคุณสิ่งต่างที่เกิดในระหว่างวันให้ได้ระรึกถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้ออกมาจากมองโลกในทางลบให้อยู่ที่ความเป็นปัจจุบันขณะ ให้ได้เห็นและขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้น

ขอบคุณที่อ่าน และ ขอบคุณ
1Y
1Y
ตะละแม่กุสุมา ถ้าอายุยังไม่เยอะ ในส่วนของผู้ชาย การหางานทำ มันคือ ง่ายและมีโอกาสมากกว่าผู้หญิง ในช่วงที่ยังไม่มีงาน ควรฟื้นฟูสุขภาพก่อน บำรุงจิตใจให้ผ่องใส ถ้าสุขภาพดี อารมณ์ดี สิ่งต่างๆ ก็จะตามมา
1Y
Gublue ขอบคุณครับ
1Y
ตะละแม่กุสุมา เราไม่บอกให้สู้นะ แค่อยากให้อยู่ให้เป็น ปรับและรับให้ได้กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง แล้วลองคิดว่า สิ่งที่ตัวเองชอบคืออะไร พิจารณาดูแล้ว ค่อยค้นคว้าวิธีการพัฒนาและปรับปรุง ให้ชำนาญมากขึ้น
1Y
ตะละแม่กุสุมา เป็นกำลังใจให้นะ
1Y
Gublue ขอบคุณมากครับ
Gublue
Chan'm blue
Dec 7แย่(จริง)เหรอ
สายวันพุธแดดอ่อนๆยามเช้าทำให้รู้สึกอุ่นในฤดูหนาวที่ใกล้หมดไปแล้ว ผมยังคงว่างงานยังไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ค่อนไปในทางตกอับ อาจจะดูแย่ แต่ก็ไม่เลวร้าย ผมมีบ้านอาศัย มีแฟนที่รัก แม่ที่เคารพ ครอบครับเล็กๆถึงจะไม่ได้มั่งมีอย่างใครๆเป็นความธรรมดาของคนว่างงานที่ยังคิดไม่ออกว่าจะช่วยตัวเองยังไงให้ผ่านไปได้ ดูเหมือนจะทุกข์แต่ในใจยังคงว่างเปล่าจะเครียดจะทุกข์ก็ต่อเมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านั้นที่รู้สึกแย่ ทั้งยังมีอาการทางจิตที่คอยเอาแต่เรียกร้องความสนใจ ให้ผมต้องคอยเอาใจอาการเหล่านั้นทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องแย่ๆที่ตัวเองพบเจอ

ตกงานล้มป่วยทางจิตภาระหนี้สินกองโต หากแต่ยังน้อยกว่าคนที่ชีวิตดูดีมีความสุขแต่มีหนี้มากว่าหลายเท่า ดีแค่ไหนแล้วที่ยังพอทำอะไรได้บ้างถึงจะทำแล้วไม่ได้ช่วยให้ผมมีเงินก็ตามทีแต่มีความสบายใจที่ได้ทำไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนตอนนี้ผมไม่ได้เอาแต่ขอเงินคนอื่นอาจจะลำบากบ้างแต่ก็เป็นจากขอเงินคนนั้นทีคนนี้ทีจะไม่มีใครอยากคบหา กลายเป็นคนเพื่อนน้อย หากแต่เพื่อนที่ยังอยู่เป็นเพื่อนที่มีคุณภาพที่ไม่ทิ้งผมไปไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอะไร จะเจ็บป่วยแค่ไหนแย่แค่ไหนพวกเค้าอาจจะไม่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือเท่าไหร่แต่ก็ยังคงอยู่ให้อุ่นใจว่าเราไม่ได้เดียวดาย ความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งเลี่ยงไม่ได้ว่าไม่มี มันต้องมีกันบ้างเรื่องธรรมดา ถึงจะมีเงินน้อยแต่ก็ยังได้กินของอร่อยๆที่ทำกินกันเองในราคาถูกๆใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้บ้างถึงจะไม่ได้มีอย่างใคร ทั้งๆที่ควรเครียดกับไม่เครียดแต่ไปเครียดเรื่องที่ไม่ควรคิด ใส่ใจกับเรื่องที่ไร้สาระไปรึป่าวนะผมสนใจแต่กิจกรรมที่จะบรรเทาอาการเจ็บป่วยทางจิตของตัวเองรักษาอารมณ์ให้เป็นปกติเท่าที่ทำได้ เชื่อว่าความคิดความเชื่อมั่นสร้างได้จากการกระทำตามที่หมอเคยสอน ผมอยากเชื่อว่าตัเองทำได้มีความสามารถพอถึงแม้จะยังน้อยและยังไม่ประสบความสำเร็จและยังห่างไกลหากแต่ผมเริ่มเดินแล้วถึงจะยังวิ่งไม่ได้ก็ตามก็ได้เริ่มแล้ว ผมล้างกระจกและเริ่มมองหน้าตัวเองขึ้นมาบ้างนานแค่ไหนที่ไม่ได้ส่องกระจกมองดูตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ได้ถึงกับพลิกชีวิตในทันทีทันใด แต่หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตได้เริ่มก้าวเดินออกจากจุดที่แย่ได้แล้ว แน่นอนว่าเรื่องแย่ๆยังคงเกาะติดเหมือนเงาตามตัวแต่เราก็อยู่ร่วมกันได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เรื่องแย่ๆเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ใช่แค่ผมแต่ใครๆก็มี ทำไมเค้ายังมีความสุขแล้วผมควรต้องทุกข์งั้นเหรอ ไม่ได้จำเป็นที่ต้องทุกข์เสมอไป อย่างน้อยก็ตอนนี้ถึงจะไม่ถึงกับสุขใจแต่ก็ไม่ทุกข์ใจ

เรื่องแย่ๆอยู่กับโลกนี้มานานกว่าผม มันมีก่อนที่ผมจะเกิดขึ้นมาเสียอีกเป็นเรื่องที่ใครก็พบเจอไม่มีข้อยกเว้นบางทีความคิดในแบบ วะบิ ซะบิ อาจจะช่วยให้มองชีวิตได้สวยงามได้บ้าง วะบิ ซะบิ พูดถึงความงามของความไม่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่เรียบง่ายเข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบ อยู่กับความรู้สึกแย่อย่างเป็นมิตรเป็นสีสันให้ชีวิต ดุจชีวิตราวกับงานศิลปะ ศิลปะของการดำเนินชีวิต ผมอาจจะมีวีนที่แย่…แต่จะไม่มีสัปดาห์ที่แย่..แต่ถึงมี มันก็จะไม่ใช่เดือนที่แย่ หากมันใช่ ปีที่แย่ปีนี้ ก็กำลังจะจบลง…นับถอยถึงช่วงเวลาที่ดีที่รอคอย สุขกับปัจจุบัน เลิกเศร้ากับอดีต หรือท้อถอยกับอนาคต พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึงและตอนนี้แค่เริ่มสายแก่ๆของวัน ยังมีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำ เป็นในสิ่งที่อยากทำถึงมันจะไม่ได้สร้างรายได้แต่ช่วยไม่ได้ทีผมยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้ ในตารางบันทึกความสุข สีเขียวคืออาการปกติมีมากว่าเวลาแย่หรือมีอาการอารมณ์แย่เกิดขึ้นบ้างแต่ความปกติที่กลายเป็นความสุขของวันนี้ยังมีมากว่านาทีที่ผ่านมา ถอนหายใจแล้วยิ้ม
1Y
Gublue
สายวันพุธก่อนสิ้นเดือนแสงแดดอุ่นๆด้วยความไม่รู้จักพอ ชายหนุ่มวันกลางคนกำลังวุ่นกับการหาหญิงงานบนโลกโซเชียล ราวกับว่าจะฟาดฟันหหญิงงานทั้งโลก ความครุกลุ่นทางเพศปรารถนาในเรือนกายสร้างหมกมุ่นภายในใจในกามราคะ สร้างพื้นที่ความโลภให้เกิดในใจตน ล่วงเลยมาหลายสัปดาห์ เค้ายังทำเหมือนเดินทุกวันด้วยการเปิดคอมพิวเตอร์ในทุกชเช้าหวังให้มีหญิงงานทักมา หากแต่กลับกันไม่มีหญิงงามที่ปรารถนา มีแต่ความโชคร้ายพบกับความผิดหวัง ถูกหลอกล่อลวงทรัพย์สิน ใจที่ผิดหวังสร้างความทุกข์ภายในใจเค้าได้ตระหนักภายในใจว่าหญิงงามพาลพบกับโชคร้าย โลกใบนั้นราวกับเป็นหลุมดำภายในใจเค้า สิ่งที่ปรารถนาไม่ได้ตั้งอยู่บนความจริงย่อมนำพาความผิดหวัง ราวกับซื้อตั๋วความผิดหวังรอให้ผิดหวังในทุกวัน ในเมื่อผิดหวังทุกวันซ้ำซาก หมอกควันจากบุหรี่ที่ถูกสูดเข้าไปในกากายเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน
เค้าไม่ได้หลงใหลในหญิงงานหากแต่ปรารถนาหมอกควันจากความผิดหวัง ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ย่อมนำพาความสุขไปอยู่กับความคาดหวังที่ไม่ได้ตั้งอยู่ ห่างไกลออกไปจากความสุข หาความสงบไม่ได้มีแต่ความคาดหวังการผิดหวังซ้ำๆจนกระทั้งความผิดหวังกลืนกินชีวิตเขาไป ความทุกข์ปรากฏอยู่ทุกซอกทุกมุมไม่มีที่ว่างแห่งความสุข แต่ชีวิตไม่ได้เลวร้ายเสมอไปความตระหนักรู้เรื่องคุณธรรมยังเกิดขึ้นในใจเปือนแสงเทียนยังส่องสว่างไม่ว่าโลกจะมืดมนเพียงใด จิตใต้สำนึกยังส่องแสงสว่างราวก็บว่าไม่มีความทุกข์ใดจะเค้าทาทำลายแสงไฟนั้นได้
ชายหนุ่มเรื่อมตระหนักละตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำอะไรอยู่? ทำเพื่ออะไร? อยากได้แบบนี้จริงๆใช่ไหม? คำถามเหล่านี้ช่วยส่องแสงสว่างให้เกิดขึ้นไปในใจเค้าเริ่มถามสิ่งเหล่านี้ก็นจะทำอะไรถึงจะมีพลั้งเผลอไปบ้าง แต่ก็ยังมีคำถามอยู่ความปรารถนาความผิดหวังเริ่มเบาบางด้วยคำถาม เค้าเริ่มวางเฉยกับหญิงงานที่ผ่านเข้ามาและเลิกความสันพันธุ์สวาทจากความผิดหวังเล่านั้น ความรู้สึกเฉยๆได้ขึ้นจากคำถาม คำถามทำให้เลิกซื้อตั๋วความผิดหวังแต่ก็ปล่อยให้โลกหมุนไปตามธรรมชาติของมัน การเข้ามาหรือจากไปเกินขึ้นบ่อยครั้งจนในใจเค้าชินชา เมื่อไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง แต่หากได้เปลี่ยนไปในทันทีทันใด ทุกสิ่งย่อมใช้เวลาให้การก่อร่างสร้างตัว ความทุกข์ไม่ได้หายไปไหนยังอยู่ที่เดิมของมัน มีหลายครั้งที่สุ่มหยิบมาดูเพราะเราไม่รู้จักทุกข์ จึงคว้ามา เมื่อรู้ว่าเป็นทุกข์ก็พลันวางเสีย ปล่อยให้ความทุกข์อยู่ที่เดิมของมัน ความสุขจากภายในส่งต่อกายผ่านรอยยิ้ม ยิ้มที่ผ่านมาจากความสงบภายในใจ เมื่อแยกทุกข์กับสุขได้เขาจึงมองเห็นอีกครั้งหลังจากมืดบอดมานาน เขาเห็นว่าความคาดหวังในใจที่เกินจริง และความงามย่อมมีวันเฉาเหมือนดอกไม้เบิ่งบานแล้วร่วงโรย ความสุขความทุกข์ก็เช่นกัน ใจที่ไม่ได้ร้อนไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาสาด ใจที่เย็นไม่จำเป็นต้องก่อไฟ หากมีสิ่งใดเกินพอดีจากความเป็นตัวเองของเขา เข้าเลือกที่จะสาดน้ำหรือก่อไฟให้ความหวังที่เกินพอดีกับใจตนเอง สายแก่ๆความคิดเหล่านั้นจบลง เขาได้เดินออกไปทำในสิ่งควรทำเวลานี้
เขาควรมีความหวังหากแต่ความหวังนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง และสร้างโอกาสให้เกิดขึ้น แล้วเตรียมตัวเตรียมใจต้อนรับให้คู่ควรกับความสุขและความทุกข์ ความทุกข์ความสุขจะถูกมอบให้แก่คนที่คู่ควรด้วยการสร้างมันขึ้นมาจากใจตันเอง เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมรับมือความสุขความทุกข์ โดยไม่ยึดติดว่าเป็นของเราทันทีที่เรายึดสิ่งนั้นไว้ในกำมืออาจทำให้เราเจ็บเมื่อพบเจอความทุกข์ และเมื่อต้องปล่อยมีจากความสุขกลายเป็นความทุกอีกครา หญิงงามที่ปรารถนาไม่ได้เป็นทุกข์หรือสุข มันเป็นของมันอย่างนั้นอยู่ที่เขาจะหยิบมาเป็นความทุกข์หรือสุขก็เท่านั้น
1Y
Gublue
https://medium.com/@nbaltue25/ความคิด1-bff9f19f1191
1Y
Gublue
5เดือนได้แค่เนี๊ย
1Y
1Y
เจ้าหนูบู้บี้ สะดือตื้นขึ้นเยอะเลยฮะ 555
1Y
Gublue อะไรขึ้น555
1Y
Gublue อ่อ
Gublue
พอ กับ ยอมรับ
เย็นวันเสาร์ขณะที่โพสหาคนคุยนั่นนี่ในโซลเชียล ในวันหยุดที่ควรเป็นวันพักผ่อนของผมพลันหายไปกับโลกออนไลน์ไปทั้งวัน ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นวันหยุดอะไรเลยจนถึงเย็นมานั่งคิดว่าทำอะไรอยู่ ผมคิดว่าอะไรคือพอ พอคืออะไร ทำไงถึงจะพอ ในที่สุดก็คิดได้ เหมือนที่เคยคิดเรื่องการยอมรับ ตอนนั้นผมคิดว่าสิ่งที่เรา คิด พูด ทำ มันสอดคล้องกัน ถ้าเราทำอย่างใดอย่าหนึ่ง มันก็จะเป็นการยอมรับหรือไม่ยอมรับ ผมเลยอ๋อ สิ่งที่ผมทำ พูด คิด เป็นสิ่งที่ผมยอมรับได้ถึงจะดูฝืนๆแต่ก็เป็นสิ่งที่ผมยอมรับได้ เพราะถ้ารับไม่ได้จริงๆคงไม่ คิด พูด หรือทำสิ่งเหล่านั้น เฮ้ยแค่นี้เองการยอมรับ หลายครั้งบางทีที่คิดอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรถึงจะยอมรับสิ่งที่มี เป็น ทำ ได้ ก็สิ่งที่มี เป็น และทำนั่นแหล่ะคือการยอมรับ เคยรู้สึกที่แบบ ฉันไม่ชอบ ฉันไม่อยากทำ ฉันรับแบบนี้ไม่ได้กับสิ่งนี่ แต่ก็ทำโดยไม่ได้เรียนรู้หรือแก้ไขอะไร ก็ทำมันต่อไป นั่นคือผมยอมรับได้ด้วยเหตุผลบางสิ่งในใจผมว่าผมรับได้ แล้วยังไงมันไม่ได้น่าเสน่หา น่าเบื่อ ลำบาก บลาๆ แล้วยังไงพอรู้ว่าจริงๆเราก็ยอมรับได้นี่ถึงทำมันไป ไหนๆก็ไหนๆ ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ช่วยกันพายสิ เรียนรู้มัน เหมือนวันนี้ที่ผมรู้สึกแย่กับโลกโซลเชียลผมผลันตัวเองมาใช้ประโยชน์จากมาด้วยการเขียนสิ่งนี้ เอาจริงๆผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนอ่านไหม แต่ที่แน่ๆผมจะกลับมาอ่าน ถึงไหนละ อ้อ.. ผมได้รู้ว่าสิ่งที่เรา คิด พูด ทำ เป็นสิ่งที่เรายอมรับได้ ในใจเราเองที่ยอมรับด้วยเหตุผลปัจจัยต่างๆ สิ่งเหล่านั้นเป็นเหตุผลให้ผมยอมรับสิ่งต่างที่ผมทำ พูด คิด คือสิ่งที่เรายอมรับจากภายในใจ

แล้วมาดูพอ พอคืออะไรก็ไม่รู้หรอก แต่แบบจะหาทำไม เราหาแสดงว่าเราไม่มี ไม่มีหรอกมีไม่พอ มีแต่สร้างให้มันไม่พอ ลองคิดว่าตอนเรียนจบใหม่ๆยังไม่มีอะไร งานอะไรก็ทำได้เงินมากน้อยก็ทำ บางคนทำไปเรียนไป เพราะความไม่มีไม่ใช่ไม่พอ บางคนไม่มีเงินจะเรียนต้องทำงานส่งตัวเอง ก็อยู่ได้เรียนจบ มีแต่ไม่พอเพราะเราไม่พอที่จะมี การที่จะพอหรือไม่พอไม่ได้อยู่ปัจจัยภายนอกที่เราต้องการเลย อยู่ในใจเรานี่แหล่ะ ผมโพสหาคนคุยในโลกออนไลน์ สุดท้ายก็กลับมาถามว่าจริงๆแล้วตัวเองต้องการอะไร หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอไม่พอ หาอีกโพสอีก หาอยู่นั้น เฮ้ยเป็นไรเนี่ย จนผมหยุด พอ ขอพัก แล้วมาคิดเรื่องที่กำลังเขียนอยู่นี้ และหยุดที่พอไม่หาละ จะหาคนคุย เหงาเหรอ อยู่คนเดียวเหรอ หรือกลัวที่จะคุยกับตัวเอง บางครั้งตัวเราเองนี้แหล่ะสนิทกับเราที่สุด รู้ใจเราที่สุด ตอบได้ทุกเรื่องที่อยากคุย ถามว่าคุยยังไงก็ผ่านการเขียนนี้แหล่ะ บางทีเราคิดมันจะลอยๆ การที่เราเขียนสิ่งที่คิดออกมาทำให้ความคิดเรามีตัวตน ยืนอยู่ตรงหน้าสบตากับเราทุกครั้งที่อ่านสิ่งที่ตัวเองคิด

เริ่มเห็นกันแล้วสินะไม่ว่าจะ พอ หรือยอมรับ ล้วนมาจากตัวเรา เป็นสิ่งที่เรา คิด พูด ทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคืออะไร เราต่างก็ยอมรับมันโดยที่เราไม่รู้ตัวเราถึงรู้สึกไม่ชอบมัน หรือถ้ารับไม่ได้จริงๆเราจะพยามแก้ไข เรียนรู้หาวิธีทำให้เรายอมรับ ยากไม๊ก็ยากก็ได้ กลัวการเรียนรู้รึป่าวล่ะมันจะเจ็บนะแต่เราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของคนอื่นได้แต่ไม่เท่าก็ลองเอง ผมเองก็มีเรื่องที่จะต้องเรียนรู้ไม่ต่างจากคุณ และควร พอ
2Y
Gublue
วาดเล่น
2Y
Gublue
กังวล
กลับมาที่นี่อีกแล้วเหรอ ที่นี่มันที่ไหนกันช่างว่างเปล่า แต่ทำไม่ฉันรู้สึกแน่นไปหมดทั่วทั้งตัวเหมือนถูกบีบอัดปวดร้าวไปทั้งตัว เพราะอะไร…ฉันไม่ได้อยากรู้ ฉันแค่อยากรู้ทำไงมันจึงจะหายไป หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเป็นแบบนี่ช่างทรมานเหลือเกิน ทั้งที่ดูไม่มีอะไรแต่ข้างในกลับหนักหน่วง เกิดอะไรกับร่างกายฉัน “นายกังวล” ใช่ฉันกังวล นั่นเสียงนายใช่ไหมคนในฝัน คราวนี้ต้องการอะไรจากฉัน “แค่อยากช่วยนาย” ช่วยเหรอ จะช่วยฉันยังไง “บอกสิ่งที่อยู่ข้างในใจนายไงหล่ะ” ข้างในใจฉันเหรอนายรู้อะไร “กังวลเรื่องงานพรุ่งนี้ใช่ไหม” ใช่ฉันกังวลนิดหน่อยพยามไม่สนใจมัน “ไม่สนใจไม่ได้แปลว่ามันจะหายไปมันยังอยู่ นายต้องจัดการกับความกังวลนั้น” ฉันแค่อยากทำงานได้จะได้มีเงินมาช่วยเหลือครอบครัวตอนนี้ที่บ้านกำลังแย่ “นั่นทำให้นายกดดันตัวเองว่าต้องได้งานต้องทำได้” ใช่ก็งานมันมีน้อยและไม่ได้มีมาบ่อยๆนานๆจะมีงานที่ตรงกับสายที่เรียนมา “นายเรียนมานี่” ใช่ฉันเรียนมา..แต่ไม่ได้ทำมาเป็น10กว่าปี ฉันไม่มั่นใจเลย “นายไม่เคยมั่นใจอะไรเพราะอะไรน่ะเหรอ นายไม่ไว้ใจตัวนายเองจากเรื่องแย่ๆที่ผ่านมามันไม่ได้แปลว่านายล้มเหลว” แล้วจะทำอย่างไรล่ะฉันไม่รู้ว่าต้องทำไง ไม่มั่นใจเลยสักนิด “นายแค่ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดโดยไม่ฝืนตัวเองจนล้าหรือละเลยจนเกินไป ค่อยๆเป็นไป ก้าวสั่นก้าวยาวก็ถึงที่หมายเหมือนกัน แค่ก้าวสั้นๆของนายจะพานายไปจุดหมาย…แต่อย่าหยุดก้าว เดินสบายๆแต่เดินไปเรื่อยๆ เหมือนที่นายเคยทำ นายทำงานสำคัญๆมามากมายและทำได้ดีได้รับคำชมมากมาย แต่ฉันไม่อยากให้นายยึดติดกับความสำเร็จเหล่านั่นจนเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองตอนนี้” แล้วฉันจะทำอย่างไรล่ะ “หายใจ…หายใจช้าๆหลับตา แล้วนายจะมีพลังอาจไม่มากแต่มากพอที่จะให้ก้าวสั้นๆของนายก้าวต่อไปได้” อืมนะ…แต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี “นายจะมั่นใจต่อเมื่อนายได้ก้าวผ่านก้าวแรกไป…แล้วก้าวต่อๆไปจะตามมาเอง” คิดว่าฉันทำได้เหรอ “แล้วได้ไหมล่ะ” ได้นะฉันคิดว่าจะทำได้ “ระยะทางในการเดินทางอีกใช่ไหมเรื่องที่กังวล นายเคยไปทำแล้วนี่สมัยเรียนนายฝึกงานที่นั่น” ใช่ฉันจำได้ มันเป็นฤดูฝนเหมือนตอนนี้ “เอาน่า..อะไรที่เคยทำมันจะง่ายกว่าไม่เคยทำ แค่ต้องทบทวนเดี๋ยวนายจะผ่านไปเอง” อะนะตอนนี้ฉันเริ่มดีขึ้นบางทีฉันอาจกังวลมากไปแล้วพยามจะละทิ้งมันไปเพราะฉันรู้สึกเครียด นั่นสินะ…มันไม่ได้หายไปมันยังกังวลรอเวลาปะทุ เฮ้…ฉันเริ่มผ่อนคลายได้บ้างแล้วแต่ยังคาๆหน่อยๆ “นายจะปลดมันได้เมื่อถึงเวลาลงมือทำ และนายทำมันด้วยความสามารถของนาย” มันไม่มีผิดถูกหรอก อายุเท่าไหร่แล้วผ่านงานมาก็มาก ถ้ามันจะใช่งานของนายมันก็ใช่ถ้ามันไม่ใช่มันก็ไม่ใช่นั่นแหล่ะ” “สบายใจรึยัง” คิดว่าดีขึ้นนะ ขอบใจ

….ฝันไปอีกแล้วเหรอ
2Y
Gublue
Chan'm blue
Aug 21

·
1 min read
ฝัน
อะไรกัน…ที่นี่ที่ไหน ไม่มีใครเลย หายไปไหนกันหมด เอ๊ะ….นั่นใคร ฉันถามว่าใคร ใครนั่งอยู่ตรงนั้น ได้ยินฉันไหม หันหน้ามาสิ ฉันอยู่นี่ ได้ยินเสียงฉันไหม เฮ้… ได้ยินฉันไหม คนนั้นน่ะที่นั่งตรงนั้นหันมาสิ ที่นี่ที่ไหนทำไมมันมืดไปหมด ทำไมนั่งอยู่ในที่มืดๆคนเดียว อยู่ที่นี่ได้ยังไงมันมืดจนแถบมองไม่เห็นอะไรเลย เฮ้…ได้ยินที่ฉันพูดไหม ทำไมไม่ตอบอะไรเลยล่ะ ที่นี่ที่ไหน ใครคนนั้นน่ะ ใคร แล้วที่นี่ที่ไหน ตอนนี้เป็นกลางคืนเหรอถึงมืดมิดขนาดนี้ เสียง เสียงอะไร เสียงร้องไห้ ใครร้องไห้ นั่นนายเหรอ นายเป็นใคร นายร้องไห้เหรอ เกิดอะไรขึ้น ตอบฉันสิแล้วที่นี่มันที่ไหนกัน แล้วร้องไห้เรื่องอะไร มองฉันสิ ทำไมฉันเข้าไปหานายไม่ได้ ฉันเห็นนายแต่เข้าไปหานายไม่ได้ เฮ้ อะไร เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทรมานเหลือเกิน อะไรเนี่ยทรมานเหลือเกิน มันปวดเข้าไปถึงหัวใจฉันเจ็บอยู่ในหัวใจ นายทำให้ฉันเป็นอย่างนี้เหรอ เกิดอะไรขึ้น นายไม่เคลื่อนไหวเอาแต่นั่งนิ่งไม่มองฉันด้วยซ้ำ อะไรอีกฉันขยับตัวไม่ได้ไม่มีเรี่ยวแรงเลยเกิดอะไรขึ้นกันฉัน ช่วยด้วย..! ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันขยับตัวไม่ได้ แขนขาไร้เรี่ยวแรง ฉันเป็นอะไร ฉันกำลังจะตายเหรอ “ไม่หรอก” นั่นเสียงนายเหรอ “แกมันขี้ขลาด” อะไรฉันขี้ขลาดอะไร เฮ้ เดี๋ยวก่อนช่วยฉันก่อนสิ นายเป็นใคร รู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉันงั้นเหรอ “แกมันขี้แพ้” แพ้เหรอ…ฉันแพ้อะไร นี่นาย..มาพูดไม่กี่คำละก็หาย นายต้องการอะไร “ชีวิต” ชีวิต..ชีวิตฉันเหรอ ฉันไปทำไรให้ทำไมถึงอยากได้ชีวิตฉัน “แกทำให้ฉันร้องไห้” ฉันเหรอ.. ฉันทำอะไร ฉันทำอะไรให้นายเสียใจ “แกมันอ่อนแอไงล่ะ” ฉันน่ะเหรอ อ่อนแองั้นเหรอ แขนๆ..แขนฉันขยับได้แล้ว รู้สึกเหมือนฟื้นจากความตาย ฝันเหรอ ฉันแค่ฝันไปหรอกเหรอ ทำไมมันเหมือนเกิดขึ้นจริงๆล่ะ แล้วที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่ห้องฉันนี้ ที่นี่สว่างขาวไปหมด เต็มไปด้วยผู้คน แล้วคนเมื่อกี้ในที่มืด ไม่สินั่นแค่ความฝัน แล้วที่นี่ล่ะใช่ความฝันอีกหรือเปล่า ที่สุขสงบสดใส ร่าเริง ดูสนุกต่างจากเมื่อกี้ราวฟ้ากับดิน เฮ้ มีใครได้ยินฉันไหม ที่นี่มีใครไหม ที่นั่นกลุ่มคนนั่นเค้ากำลังทำอะไรกัน ไม่ใช่ความฝันที่นี่มีคนอยู่จริงๆทุกคนกำลังสนุก เฮ้ ได้ยินฉันไหม ให้ฉันร่วมด้วยสิ เฮ้ ทำไม…. ทำไมไม่มีใครสนใจเสียงฉันล่ะ แล้วนี่กำแพงอะไรอีก กำแพงอะไรทำไมฉันไปหาพวกเขาไม่ได้ ทำไมไปไม่ถึงกลับยิ่งห่างออกไป ยิ่งพยายามยิ่งไปไม่ถึง เกิดอะไรกับคนที่นี่และก็ฉัน นี่มันอะไรกัน ฉันเข้าไปหาพวกเค้าไม่ได้เพราะอะไร “นายมันขี้ขลาด” เอ๊ะ…เสียงใคร ใครพูด ฉันขี้ขลาดเหรอ “แก่ไม่ควรคู่กับความสุข” อะไรกัน “แกต้องอยู่ในโลกมืดที่แกสร้างมันขึ้นมาเองกับฉัน..แก่ทำฉันร้องไห้” แกต้องอยู่ที่นี่” ไม่นะ ปล่อยฉันไปหาพวกเค้า “แกไม่มีทางหนี่ตัวเองไปได้หรอก” ไม่ปล่อยฉันให้ฉันไปมีความสุข “เอาชีวิตคแกมาให้ฉันแล้วจมหายไปในความมืดกับฉัน” ไม่………. “ตื่นๆ” “ตื่นๆ” หา..ใครน่ะ ฝันเหรอ ฉันฝันอีกแล้วเหรอ ฝันซ้อนฝันเหรอ เล่นเอาฉันเหงื่อท่วม คนที่อยู่มืดคนเดียวในที่มืดนั่นกับคนพวกนั้นในที่สว่าง ไม่มีใครได้ยินเสียงฉันในที่สว่างไสว มีแต่คนที่อยู่ในที่มืดพูดถึงฉันอย่างเคียดแค้น ช่างเป็นฝันที่โหดร้าย ทั้ง2ความฝัน อะไรกันนี่ ช่างน่ากลัวซ่ะเหลือเกิน คนๆนั่นใครกันโกรธฉันได้ถึงขนาดนี่ แล้วหมายความว่าไงกันที่ว่าหนีตัวเองไปไม่ได้ “ฉันคือแกที่จมอยู่ในโลกมืดที่แกสร้าง” ไม่…………..

ฉันฝันอีกแล้วเหรอ….
2Y
Gublue
Chan'm blue
Aug 14
ดูตัวเอง
บลูค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้าและลับหลัง รับฟังความเห็นอย่างนอบน้อมไม่ว่าถูกหรือผิด แต่กลับเชื่อในสิ่งที่สอดคล้องกันแนวทางของตน ทว่าเขากลับเชื่อเรื่องต่างๆอย่างหัวปักหัวปำเมื่อเห็นว่าตรงกับใจ และคัดค้านความเห็นที่ไม่ตรงกับใจโดยไม่แยกแยะถูกผิด หากเห็นว่าตรงกับใจจะลงมือทำอย่างไม่คิดผลที่จะตามมา นั่นทำให้เขาเป็นคนนอบน้อมมือไม้อ่อนเคารพคนที่ควรเคารพเป็นที่รักของผู้ใหญ่และคนทั่วไป แต่ความเป็นจริงกลับเป็นที่ชังของคนใกล้ตัว เพราะเขาเชื่อเฉพาะคนที่เขาคิดว่าเข้าใจเขา แม้จะเป็นเรื่องที่สมควรมากเพียงใดก็ไม่เชื่อหากขัดแย้งกับหลักการของตนและคนที่เขามีเรื่องให้ไม่เคารพแม้เพียงเรื่องเดียว คนใกล้ตัวจึงมองความอ่อนน้อมของเขาเป็นความอ่อนแอ หัวรั้น ดื้อเงียบ เขามักไม่อยู่กับปัจจุบันทว่ากลับอยู่ในความฝันถึงเรื่องที่อยากให้เกิดและเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ไม่สามารถนำพาตนสู่ความจริงของปัจจุบัน ทั้งๆที่เรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลยทั้งเรื่องที่อยากให้เกิดและไม่อยากให้เกิด แต่เขาก็ยังจมอยู่ในห้วงแห่งความคิดและเพ้อฝันดุจคนจมน้ำที่มีหินถ่วงไว้ที่ขา ทว่าความจริงเป็นเพียงความคิด เขาไม่ได้กำลังจมน้ำหากแต่เชื่อว่าตัวเองกำลังจมน้ำ ความเชื่อนั้นทำให้เขาเสมือนจมน้ำอยู่จริงๆ หลายครั้งที่เขาพยามละทิ้งความเชื่อนั้น ก็พลันมีเหตุการณ์ให้จมดิ่งอีกครั้ง การต่อสู้กับความเชื่อช่างเป็นเรื่องแสนลำบาก เมื่อปักใจเชื่อแล้วก็หน้ามืดตามัวมองไม่เห็นความจริง ทว่าเขายังสามารถสร้างความเชื่อใหม่ให้กับตัวเองต่อต้านความเชื่อเดิมที่ฝังรากลึก ความเชื่อใหม่ๆมาจากการรู้จักเรียนรู้ เขาไม่ใช่คนเก่งหากแต่รักการเรียนรู้สิ่งใหม่และทบทวนสิ่งเก่าที่เป็นประโยชน์ หลายครั้งที่หยิบตำราเก่าที่เคยอ่านกลับมาอ่านอีกครั้งเพื่อกล่อมเกลาตัวเองให้อยู่ในทางที่ชอบธรรม เขามักขัดแย้งตัวเองระหว่างความต้องการของใจ และกาย หรือทั้งใจกับใจ กายกับกาย ถกเถียงกันไม่สิ้นสุด

จนวันนี้เขาเลือกที่จะเขียนถึงตัวเองในด้านที่เขามองเห็น ณ ตอนนี้ เขาพบความจริงที่ไม่ว่าเขาต้องการหรือไม่ต้องการ ไม่อาจจะเกิดได้จากการอยู่เฉยๆ สิ่งใดก็ตามจะเกิดขึ้นเมื่อกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามสิ่งที่คิด เขาเปลี่ยนความคาดหวังเป็นเป้าหมาย และเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการกระทำ สิ่งที่พอจะทำได้ก็พยามทำให้ได้ตามกำลัง หากแต่สิ่งที่เขาทำมักถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง บ้างกล่าวว่ามาใส่ใจอะไรกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้นั้นไม่สำคัญสำหรับตอนนี้ เรื่องนั้นน่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สิน แต่กลับเป็นสุขภาพใจกาย เขาให้ความสำคัญกับสุขภาพในทุกเรื่องที่พอจะทำได้ในแต่ละสถานการณ์ นั่นเป็นเพราะเขาสิ้นหวังเรื่องทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ทั้งสองเรื่องควรจะเกี่ยวข้องกัน จะต้องดำเนินไปด้วยกัน แต่จะทำได้อย่างไร เมื่อความสามารถและอายุขัดขวางโอกาส ทั้งยังเรื่องสุขภาพที่เป็นข้อจำกัด เขาได้แต่ปรับตัวเป็นไปตามสถานการณ์ ทว่าในใจเขากลับทุกข์ทน ไม่มีหน้าพบผู้คน ต้องทนอยู่อย่างอับอาย ด้วยที่เขาเปรียบเทียบตัวเองกับมิตรสหาย ดูแล้วช่างน่าเศร้าที่วัยนี้ไม่สามารถประสบความสำเร็จ เขานึกถึงคำของ สุมาอี้ใน สามก๊ก ที่ ว่า “สำเร็จเร็วไม่ได้แปลว่าสำเร็จกว่า สำเร็จช้าไม่ได้แปลว่าไม่สำเร็จ” (ผมอ่านเป็นคำกล่าวถึงสุมาอี้ที่รวมสามก๊กเป็นหนึ่งเดียว แต่จำไม่ได้ว่าอ่านเจอจากไหน) และพยามทำตามคำแนะนำของบุคคลที่ตัวเองเชื่อถือและคิดว่า ควรจะให้ความสำคัญเรื่องงาน และมอบสุขภาพให้เป็นเรื่องของแพทย์ ทำตามแพทย์แนะนำ แต่หนทางหางานยังมืดบอด ยังไม่มีภาพความสำเร็จในหัวเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความคิดหวังพึ่งคนอื่น จินตนาการถึงความช่วยเหลือจากทางต่างๆ

เนื่องจากเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่มักจะมองข้ามความสามารถของตัวเอง เขาถนัดงานหาข้อมูล การเรียนรู้ การทำเพื่อคนอื่นจะได้ผลดีกว่าทำให้ตัวเอง น่าจะไปอยู่ในองค์กรเพื่อสังคม หากแต่ยังไม่เห็นช่องทาง ความรู้ก็น้อยนิดทุนทรัพย์น้อย ทุนแรงกายตามสมควร แถมไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และอย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเป็นคนอ่อนน้อม จึงมักโดนดูถูกบ่อยครั้ง บางครั้งก็เชื่อว่าตัวเองด้อยค่าไปกับคำดูถูกเหล่านั้น และยังหลงเชื่อความคิดตัวเองมากไป ความรู้จากแหล่งอื่นที่ไม่ได้เสาะแสวงหาด้วยตัวเองก็จะไม่ค่อยเชื่อทั้งที่อาจเป็นประโยชน์
2Y